1 Day Trip with King’s Project
[ ทริปวันเดียว เที่ยวตามรอยพ่อ
กับโครงการพระราชดำริ ที่หัวหิน ]
เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ที่ทรงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่น ที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฏร และทรงมีพระราชดำริ ที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้เกิดความ “พออยู่ พอกิน” ก่อให้เกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ มากมายกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เราจึงอยากชวนคุณผู้อ่าน ไปเที่ยวชมโครงการพระราชดำริต่างๆ ในเมืองหัวหิน และละแวกใกล้เคียงกันครับ โดยสามารถเดินทางแบบวันเดียว หรือสองวันแบบสบายๆ ก็ได้ครับ
เยี่ยมชม “ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน”
โครงการช่วยเหลือสุนัขจรจัดที่ถูกทอดทิ้ง
เริ่มด้วยช่วงเช้าๆ ออกจากที่พักกันเร็วสักหน่อย ขับรถเข้า ซ.หัวหิน 70 มาตามเส้นทาง หัวหิน-ป่าละอู (3218) ประมาณ 2 กม. ก่อนที่จะขึ้นช่องเขาด่าง ให้สังเกตทางขวามือ จะมีป้าย “ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน” ก็ให้เลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ ขับต่อไปอีกนิด ก็จะเจอโครงการที่ตั้งอยู่ทางขวามือ
ที่นี่เป็นโครงการตามพระราชดำริของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ที่ทรงห่วงใยสุนัขจรจัดที่ถูกทอดทิ้งอยู่ตามจุดต่างๆ ใน อ.หัวหิน จึงได้ก่อตั้งศูนย์รักษ์สุนัขแห่งนี้ขึ้น เพื่อช่วยเหลือ ดูแล รักษา และฟื้นฟูสุขภาพของสุนัขจรจัด โดยทรงพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ จากการจำหน่ายเสื้อที่ระลึกคุณทองแดง ให้เป็นทุนก้อนแรกในการก่อสร้างอาคารสถานที่ เมื่อปี พ.ศ.2546
ภายในมีบรรยากาศร่มรื่น สามารถเดินเยี่ยมชมตามโซนต่างๆ ที่มีการแยกสุนัขไว้ โดยเริ่มตั้งแต่ “โซนแรกรับ” ที่จะทำประวัติ และคัดกรองสุนัข โซนต่อมาคือ “อาคารกายภาพ และธาราบำบัด” ซึ่งโซนนี้จะมีสระว่ายน้ำให้สำหรับสุนัข และเป็นอาคารที่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมชมโครงการด้วย ต่อมาคือ “โซนพาราซอน” หรือกรงสุนัขที่รอคอยบ้านใหม่ ซึ่งโซนนี้ ใครที่อยากรับอุปการะสุนัขที่ได้รับการฝึกไว้บ้างแล้ว ก็สามารถมาเลือกดูใจกันได้ เดินเข้าไปอีกนิด ก็จะพบกับ “อนุสาวรีย์คุณทองแดง” ที่ทางสำนักพระราชวัง ได้นำกระดูกของคุณทองแดงมาบรรจุไว้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความจงรักภักดี ส่วนบริเวณพื้นที่ที่เหลือจะเป็นคอกสุนัขขนาดใหญ่ ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ มีทางเดินโดยรอบให้เดินศึกษาโครงการกันได้
นอกจากนี้ ทาง “ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน” ยังมีโครงการ “ธนาคารเลือด” ที่เป็นการคัดกรองสุนัขที่มีสุขภาพดี แข็งแรง มาถ่ายเลือดเพื่อนำไปช่วยเหลือสุนัขที่บาดเจ็บตัวอื่นได้ จะเห็นได้ว่า… สุนัขจรจัด ก็มีคุณค่า และมีประโยชน์นะครับ หากใครมีโอกาสได้มาที่นี่ จะนำอาหารมาบริจาคให้น้องหมา ยารักษาโรคสำหรับสุนัข หรือปัจจัยต่างๆ ก็ได้ เพราะที่นี่มีสุนัขอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 032-516551
ตามรอยพระบิดาแห่งฝนหลวง
เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ และห้องทรงงาน
ที่… “ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน”
จากศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ให้ขับรถย้อนมาทางเดิม เพื่อกลับเข้าสู่เส้นทางถนนเพชรเกษมอีกครั้ง เมื่อมาถึงปาก ซ. หัวหิน 70 ก็ให้เลี้ยวซ้าย ไปสักประมาณ 6 กม. และสถานที่ต่อไป เราจะพาคุณไปเยี่ยมชม “ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน” ที่ตั้งอยู่ในท่าอากาศยานหัวหินกันครับ
แต่เดิม… ในระยะเริ่มแรกที่ได้มีการบุกเบิกโครงการฝนหลวง “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พื้นที่นี้เป็นฐานปฏิบัติการหลักในการวิจัย การค้นคว้าทดลองเพื่อพัฒนาขั้นตอนกรรมวิธี และเทคนิคในการปฏิบัติการฝนหลวงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 ซึ่งพระองค์ก็ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทรงงาน และประกอบพระราชกรณียกิจด้วยพระองค์เอง ทั้งระหว่างที่ทรงแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล หรือทรงบัญชาการมาจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐานผ่านข่ายวิทยุตำรวจ
โดยที่นี่จะมีเครื่องบินที่ใช้ในโครงการทำฝนหลวงลำแรก ที่ทางสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย มาจัดแสดงอยู่หน้าหอเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งภายในหอเฉลิมพระเกียติฯ ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่มีนิทรรศการด้านพระปรีชาสามารถในเรื่องของการศึกษา วิจัย ค้นคว้าเรื่องฝนหลวง และการปฏิบัติการทำฝนหลวงในขั้นตอนต่างๆ ให้เดินชม
ถัดไปก็จะเป็นห้องทรงงาน ที่จัดแสดงทั้งในเรื่องของสารฝนหลวง ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ดินสอไม้ เข็มทิศ แผนที่ คอมพิวเตอร์ โต๊ะ เก้าอี้ ที่พระองค์เคยใช้ และภาพถ่ายต่างๆ ที่ทรงงานร่วมกับข้าราชการ นักวิชาการ และครั้งที่สอนนักเรียน เกี่ยวกับเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติการฝนหลวงตามตำราฝนหลวงพระราชทาน
“ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน” เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 032-520062
เที่ยวโครงการเพาะพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อส่งคืนสู่ธรรมชาติ
ที่… “ศูนย์เพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทราย”
จากศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ให้ขับรถมาทาง อ.ชะอำ อีกสักประมาณ 5 กม. สังเกตหลักกิโลเมตรที่ 206 ก็ให้เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดห้วยทรายใต้ ถ.จอมพล (1010) ได้เลยครับ แล้ววิ่งตรงมาอีกประมาณ 4 กม. ก็จะถึง ศูนย์เพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์สัตว์ป่า “ห้วยทราย” ที่ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ทรงมีพระราชดำริ ให้จัดทำโครงการเร่งขยายพันธุ์สัตว์ป่าเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2533 โดยเฉพาะ “เนื้อทราย” ซึ่งเป็นสัตว์พื้นเพดั้งเดิมในพื้นที่ เมื่อขยายพันธุ์ได้ตามจำนวนที่ต้องการ ก็จะนำไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป ซึ่งภายในโครงการก็สามารถเข้ามาเดินเล่น เยี่ยมชมกันได้
ที่นี่มีสัตว์แบ่งสัตว์ออกเป็น 3 ประเภท คือสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม อย่าง เนื้อทราย เก้ง กวาง ละอง ละมั่ง ลิง ชะนี… สัตว์ปีก ก็มี นกยูง นกแก้วโม่ง นกแขกเต้า นกชาปีไหน ไก่ฟ้าชนิดต่างๆ… และสัตว์เลื้อยคลาน จำพวก เต่าหก เต่าเหลือง เต่าหับ เต่านา หรือสัตว์แปลกๆ ที่หาชมได้ยากตามธรรมชาติก็มีนะครับ ไม่ว่าจะเป็น หมีคน หมีควาย หมีขอ นกแก๊ก เม่น… ที่จะแบ่งสัตว์แต่ละประเภท แต่ละชนิดไว้เป็นสัดส่วน
บริเวณร้านค้าสวัสดิการด้านหน้า ก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมชม ก็จะมีที่จำหน่ายอาหารสัตว์ให้ด้วย และควรซื้อจากทางศูนย์เท่านั้น เพราะอาหารที่นำมาจำหน่ายนั้น ได้ผ่านการควบคุมสารเคมีเรียบร้อยแล้ว จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ หรือจะเช่าจักรยานไปปั่นเล่นภายในก็มีให้บริการครับ
ศูนย์เพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์สัตว์ป่า “ห้วยทราย” เปิดให้เข้าเยี่ยมชมทุกวัน ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 032-471819
ชมผลงานฟื้นฟูดินดาน ให้เป็นดินดี
ที่ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ”
จากศูนย์เพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์สัตว์ป่าฯ ก็ให้เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งตาม ถ.จอมพล ไปอีกประมาณ 4 กม. ครับ เมื่อเจอ ถ.บายพาส ก็ให้เลี้ยวขวามาอีก 3 กม. นิดๆ สังเกตทางซ้ายมือ ก็จะถึงแล้วครับ
“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ” เป็นอีกหนึ่งโครงการในพระราชดำริ ที่น่าเข้ามาเยี่ยมชม โครงการที่นี่ได้รวบรวม หลายๆ หน่วยงานให้เข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกรมชลประทาน งานศึกษาพัฒนาป่าไม้ งานพัฒนาที่ดิน และกระทรวงพลังงาน โดยมีตำรวจตระเวนชายแดนเป็นหน่วยงานหลัก เรียกได้ว่า เป็นการทำงานแบบ “บูรณาการ” เพื่อที่จะนำความถนัด และความชำนาญของแต่ละหน่วยงาน เข้ามาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมบริเวณห้วยทรายที่เสื่อมโทรมนี้ให้ดีขึ้น ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ “ห้วยทราย” นี้เคยมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ได้ถูกชาวบ้านบุกรุกแผ้วถางป่าทำไร่สับปะรด และใช้สารเคมีอย่างผิดวิธี จึงทำให้ระบบนิเวศน์เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว เมื่อ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ และทรงพบเห็นสภาพปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และทรงรับสั่งความตอนหนึ่งว่า “หากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด” จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ขึ้นมา
โครงการหลักของที่นี่เลยก็คือ การฟื้นฟูสภาพดิน เพราะดินที่นี่เป็นลักษณะแข็งเป็นดาน ไม่สามารถปลูกพืชชนิดใดได้ จึงได้นำหญ้าแฝก มาปลูกเพื่อฟื้นฟูสภาพดิน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ป้องการพังทลายของดิน และดูดซับสารเคมีได้ด้วย ภายในโครงการก็จะมีจุดสาธิตการปลูกหญ้าแฝกให้เยี่ยมชม มีสาธิตการแก้ปัญหาดินเสื่อมโทรมด้วยถ่านชีวภาพ มีแนวทางการฟื้นฟูและพัฒนาด้านต่างๆ ทั้ง ป่า แหล่งน้ำ และคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่
ตรงบริเวณลานจอดรถของโครงการ ก็จะมีรถแทรกเตอร์พระราชทาน ที่มูลนิธิชัยพัฒนา ส่งมอบมาให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ เมื่อปี พ.ศ.2534 จอดตั้งไว้เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ อีกทั้งยังมีสวนพฤกษศาสตร์ไม้ม่วงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ, สวนป่าเฉลิมพระเกียรติฯ และเส้นทางพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ให้เดินเล่นอีกด้วย และยังสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ ให้พาเยี่ยมชมตามจุดต่างๆ ของโครงการได้
“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ” เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 น.
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 032-593253
ชมสวนพันธุกรรมพืช และการทำเกษตรแบบผสมผสาน
ที่… “สวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี”
จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ ให้เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.บายพาส ไปอีกประมาณ 3 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถ. ทางหลวงชนบท พบ. 1001 อีก 3 กม. ก็จะเจอ “สวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” ที่ตั้งอยู่ทางด้านขวามือครับ
ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในโครงการพระราชดำริที่ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ ซึ่งเป็นศูนย์วิชาการด้านการเกษตร เพื่อสนองพระราชดำริของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ในด้านต่างๆ และดำเนินการตามแนวทางของมูลนิธิชัยพัฒนา ในโครงการนั้นจะมีพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ให้ได้เดินเยี่ยมชม ทั้งสวนสมุนไพร ไม้หอม ไม้ดอกต่างๆ และมีการทำเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไม้ผลยืนต้น มีการเพาะเห็ดจากขี้เลื่อยยางพารา การทำวนเกษตร ที่สามารถขับรถวนดูตามจุดต่างๆ ได้
และยังมีสวนดอกไม้ ที่มีพระรูปหล่อของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประดิษฐานไว้เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ลักษณะเป็นพระรูปขนาดเท่าพระองค์จริง ประทับนั่งในพระอิริยาบถสบายๆ ภายในสวนด้วย อีกทั้งบริเวณด้านหน้าของโครงการ ยังมีต้น “ราชพฤกษ์” (ต้นคูน) ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย ที่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมโครงการ เมื่อปี พ.ศ. 2532 และ “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ก็ได้เสด็จฯ มาทรงปลูกข้างกัน เมื่อปี พ.ศ.2533 ด้วย
“สวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 032-593100
เยี่ยมชมไร่ของพระราชา ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ที่… “โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ”
ออกมาจากสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกันแล้ว ก็ไปโครงการชั่งหัวมันกันต่อเลยครับ จากสวนสมเด็จฯ ให้เลี้ยวขวา แล้วขับตามทางไปอีกสักประมาณ 5 กม. สังเกตป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาไปยังโครงการฯ ก็ขับตามทางไปอีกประมาณ 6 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง วิ่งตรงไปอีก 6 กม. ก็จะมีป้ายให้เลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าไปยังโครงการขับต่อไปอีก 5 กม. ก็ถึงแล้ว เส้นทางอาจจะดูซับซ้อน แต่หาไม่ยากเพราะจะมีป้ายบอกตลอดทางครับ
“โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ” เกิดขึ้น จากน้ำพระทัยของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ที่ทรงมีต่อเกษตรกร ในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ให้ประสบความสำเร็จ สามารถเลี้ยงดูตัวเอง และครอบครัวได้อย่างยั่งยืนจึงได้ซื้อที่ดินรวมแล้ว 250 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจนานาชนิด ให้เป็นแนวทางกับเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี ที่มีพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง
ชื่อของโครงการ “ชั่งหัวมัน” นี้ เกิดขึ้นจากเมื่อครั้งที่ชาวบ้านนำหัวมันเทศมาถวาย และได้นำไปวางไว้บนตาชั่งในห้องทรงงาน หลายวันต่อมาทรงพบว่ามันเทศหัวนั้นแตกใบ จึงมีรับสั่งให้นำไปปลูกใส่กระถางไว้ในวังไกลกังวล แล้วมีพระราชดำรัสให้นำไปทดลองปลูกมันเทศ ซึ่งเป็นพืชที่สามารถปลูกขึ้นได้ทุกที่ แม้ว่าจะวางตั้งทิ้งไว้บนตาชั่งนั่นเอง
ภายในโครงการได้จัดสรรทำการเกษตรเป็นอย่างดี มีทั้งพืชเศรษฐกิจหลายชนิด อาทิ สับปะรด มะนาว มะพร้าว รวมทั้งมันเทศ และไม้ผล พืชไร่ พืชผักต่างๆ อย่าง แก้วมังกร ชมพู่เพชร กล้วย ฟักทอง กะเพรา โหระพา พริก… โดยจะเน้นไม่ให้มีการใช้สารเคมี หรือหากต้องใช้ ก็ต้องมีในปริมาณที่น้อยที่สุด ซึ่งก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมกันได้
ที่นี่มีบริการจัดรถนำชมโครงการไปยังเส้นทางตามที่กำหนด มีบ้านพักของพระองค์ เป็นบ้านไม้สองชั้นเรียบง่าย ที่ใช้ทรงงาน และพักผ่อนพระอิริยาบถเมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมโครงการ มีแปลงสาธิตการปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ หรือใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย อยากเที่ยวชมบริเวณรอบๆ โครงการกันเองก็สามารถยืมจักรยานปั่นเที่ยวกันได้ด้วย ขอบอกว่าแต่ละจุดนั้นน่าสนใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ซุ้มพันธุ์ไม้เลื้อยแฟนซี แปลงนาข้าว มันเทศ มะนาว สับปะรด โรงเพาะเห็ด… นอกจากนี้ยังมีฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่… อีกทั้งยังได้สร้างกังหันลม เพื่อผลิตไฟฟ้าอีกด้วย นับเป็นโครงการส่วนพระองค์ที่แท้จริง ตามพระราชดำริที่ว่าด้วย “เศรษฐกิจพอเพียง”
ส่วนใครที่สนใจอยากจะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของโครงการ ก็มีร้านโกลเด้นเพลซ ที่จำหน่ายสินค้าคุณภาพดี ราคาย่อมเยาให้บริการด้วย เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ ไม่มาไม่ได้นะครับ
“โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ” เปิดให้เข้าชมทุกวัน (หยุดวันจันทร์ แต่วันจันทร์ที่หยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดตามปกติ) ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. แต่จะปิดจำหน่ายตั๋วเข้าชมเวลา 16.00 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 032-472700-1
ชมความงดงามของพลับพลากลางน้ำยามค่ำคืน
ที่ “อ่างเก็บน้ำเขาเต่า”
ย้อนกลับมาที่หัวหินน่าจะได้เวลาช่วงเย็นๆ หรือค่ำๆ กันพอดี… หาอะไรอร่อยๆ กินกันให้หายอยาก แล้วค่อยเดินทางต่อมายังสถานที่สุดท้ายที่เราอยากชวนไปคือ “อ่างเก็บน้ำเขาเต่า” ที่หมู่บ้านเขาเต่า จากตัวเมืองหัวหิน ใช้เส้นทางถนนเพชรเกษมลงใต้ เข้าซอยหัวหิน 101 นะครับ
“หมู่บ้านเขาเต่า” แต่เดิมเคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 12 กม. ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก จนเมื่อปี พ.ศ. 2501 ที่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนราษฏรในหมู่บ้าน และได้ทอดพระเนตรเห็นถึงความขาดแคลนแหล่งน้ำสำหรับใช้ ในการอุปโภค – บริโภค จึงได้มีพระราชดำริให้กรมชลประทานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเขาเต่าขึ้น เป็นโครงการพระราชดำริเกี่ยวกับแหล่งน้ำโครงการแรกด้านชลประทานของในหลวงรัชกาลที่ 9 เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2496
จุดที่นักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมไปก็คือ “อ่างเก็บน้ำเขาเต่า” ซึ่งก็จะมีพลับพลาที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมรูป “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ตั้งอยู่กลางอ่างเก็บน้ำด้วย เป็นศาลากลางน้ำทรงจัตุรมุข โดยได้จำลองศาลาพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ที่ตั้งอยู่ ณ อุทยานแห่งชาติแห่งชาติ เขาสามร้อยยอด ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานในศาลาจัตุรมุขกลางอ่างเก็บน้ำเขาเต่า ซึ่งหลายๆ คน นับวันรอวันที่จะได้ชม
หากใครกลับมาทันในช่วงพระอาทิตย์ตก ก็จะได้ชมบรรยากาศแสงสวยๆ ฟ้าสวยๆ ดูแล้วช่างงดงาม หรือถ้ามาค่ำหน่อยก็จะได้ชมบรรยากาศพลับพลาที่เปิดไฟสวยงาม ดูเป็นสีเหลืองทองอร่าม ดูงดงามมาก ลอยเด่นอยู่กลางอ่างเก็บน้ำ ดูแล้วชวนให้นึกถึงพ่อหลวงของเรามาก เชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้มามองพลับพลานี้แล้วก็คงรู้สึกเช่นกัน… หรือใครอยากจะกลับมาชมในช่วงเช้า หรือกลางวันก็จะได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ใครสนใจเที่ยวตามเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และเดินตามโครงการพระราชดำริเหล่านี้ ก็สามารถวางแผนเที่ยวกันได้ภายใน 1 วัน หรือ 2 วัน แบบสบายๆ แต่ก็ต้องเช็คระยะทาง และเวลากันหน่อยนะ
ถือได้ว่า… เป็นอีกทริปดีๆ ที่เราอยากแนะนำ… ชวนเที่ยว และร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณกันครับ
Text & Photo : © Hua Hin Pocket Guide และภาพจากอินเตอร์เน็ต
** รายละเอียดสถานที่ ราคา และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ วันที่ไปทำรีวิว หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลง กรุณาแจ้งทีมงาน HuaHinPocketGuide ทางอีเมล [email protected] หรือทาง Inbox Facebook Page : @huahinpocketguide เพื่อที่ทางทีมงานจะได้ทำการตรวจสอบ และแก้ไขอัพเดทให้ถูกต้อง
*** บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Hua Hin Pocket Guide กรุณาสนับสนุนทีมงานด้วยการแชร์ link กลับมายังเว็บไซต์ huahinpocketguide.com